เซต – ตอนที่ 7: แผนภาพ และการนับในเซตที่ยูเนียนกัน
แผนภาพเวนน์ ออยเลอร์
เซต (รวมทั้งสัญลักษณ์อื่นๆทางคณิตศาสตร์ด้วย) เป็นสิ่งนามธรรม เพราะกล่องที่แทนเซตนั้นไม่ได้มีอยู่จริงๆ เพื่อความง่ายในการคำนวณหรือเอาไปอธิบายให้ใครสักคนเข้าใจ ก็เลยมีคนตกลงวิธีการ “วาดรูป” เซตขึ้นมาให้มันดูเป็นรูปธรรมขึ้นหน่อย นักคณิตศาสตร์ที่ออกแบบวิธีการนี้ขี้นมาคือ เวนน์ และออยเลอร์
วิธีการก็คือ วาดเอกภพสัมพัทธ์เป็นกรอบใหญ่สุด โดยปกติจะวาดเป็นรูปสี่เหลี่ยม (แต่ไม่จำเป็น) เซตอื่นๆที่อยู่ในเอกภพสัมพัทธ์ให้วาดเป็นวง (จะกลมหรือไม่กลมก็ตามสะดวก) ซ้อนกันบ้าง ไม่ซ้อนกันบ้าง บางทีก็วาดให้วงหนึ่งอยู่ในอีกวงหนึ่ง ซึ่งแต่ละแบบมีความหมายต่างกัน
- วาดสองวงให้ทับกันบางส่วน แปลว่าสองเซตนั้นมีส่วนที่ซ้ำกัน (Intersection ไม่เป็นเซตว่าง)
- ถ้าวาดสองวงไม่ทับกันเลย แปลว่าสองเซตนั้นไม่มีสมาชิกร่วมกัน
- ถ้าวาดวงหนึ่งให้อยู่ในอีกวงหนึ่ง แปลว่าเซตนั้นเป็น “สับเซต” ของวงที่ใหญ่กว่า
แผนภาพเวนน์ ออยเลอร์ไม่เกี่ยวว่าเซตที่วาดจะมีจำนวนสมาชิกอะไรบ้าง มีจำนวนมากหรือน้อยแค่ไหนก็ได้ ส่วนมากเราจะใช้แผนภาพช่วยในการคำนวณจำนวนสมาชิกของเซต หรือแสดงการเกี่ยวข้องกัน (เช่นทับกัน ไม่ทับกัน หรือเป็นสับเซต)
หลักการเพิ่มเข้าและตัดออก
ถ้าเรานับจำนวนคนที่เป็นนักเรียน กับคนที่เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อในจังหวัดฉะเชิงเทรา นับกลุ่มละครั้งแยกจากกันเราจะได้ตัวเลขออกมาสองตัว แต่ถ้านับอีกครั้งให้คนทั้งสองกลุ่มนี้อยู่รวมกัน เราจะได้จำนวนซึ่งน้อยกว่าผลบวกสองจำนวนแรก … ที่เป็นเช่นนี้ได้เพราะคนหนึ่งคนอาจมีได้หลายตำแหน่งหน้าที่ บางคนเป็นนักเรียนและเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อได้ด้วย (ทำงาน part time) คนที่อยู่ในทั้งสองกลุ่ม เวลาเรานับแยกจากกันก็จะถูกนับสองครั้ง แต่พอให้รวมกลุ่มก็จะถูกนับแค่ครั้งเดียว
การคำนวณหาจำนวนสมาชิกที่เกิดจากการ Union ของเซตตั้งแต่สองเซตขึ้นไป สามารถหาด้วยแผนภาพเวนน์ ออยเลอร์ก็ได้ หรือหากไม่ถนัดการวาดรูป ก็มีสูตรคำนวณด้วยเช่นกัน โดยความสัมพันธ์ของสูตรกับชิ้นส่วนต่างๆของเซตที่มีมาให้ สามารถจัดเป็นกลุ่มๆได้ว่าเป็นการ “เพิ่มเข้า” และ “ตัดออก” เมื่อจำนวนเซตที่เอามายูเนียนกันมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อจะเข้าใจหลักการนี้ ให้นึกถึงกระดาษที่ตัดเป็นวงกลมสองแผ่น เอามาซ้อนกันเล็กน้อย บริเวณที่ซ้อนกันจะหนากว่าตรงอื่น (เพราะมีกระดาษสองชั้น ขณะที่ตรงอื่นมีชั้นเดียว) ถ้าถามว่ากระดาษที่ซ้อนกันแล้วนี้มีพื้นที่ที่ปรากฏให้เห็นจริงๆเท่าไหร่ จะเอาพื้นที่วงกลมสองวงบวกกันทันทีย่อมไม่ได้ เพราะมันมีพื้นที่ส่วนที่หายไปจากการซ้อนทับ การหาพื้นที่เฉพาะส่วนที่ปรากฏให้เห็นด้านบน ต้องบวกพื้นที่วงกลมสองวงเข้าด้วยกัน (เรียกว่าการเพิ่มเข้า) แล้วหักออกด้วยพื้นที่ของส่วนที่ซ้อนทับ (เรียกว่าการตัดออก) ถ้าเราตัดพื้นที่ที่ซ้อนทับกันออกจริงๆ แล้วเอามาวางต่อกันก็จะพบว่าทุกๆบริเวณมีความหนาเท่ากันแล้ว
เมื่อสองเซตมีสมาชิกซ้ำกัน การนับจำนวนสมาชิก ”ทั้งหมดที่มี” ของทั้งสองเซตเราจะไม่นับซ้ำ (แปลว่าสมาชิกที่ซ้ำกันในทั้งสองเซตถูกนับครั้งเดียว) ถ้าเรานำจำนวนสมาชิกในแต่ละเซตมาบวกกันเลยทันที คำตอบจะ “เกิน” (เพราะสมาชิกที่ซ้ำถูกนับสองครั้ง เหมือนกระดาษซ้อนกันสองชั้น) จึงจำเป็นต้องลบด้วยจำนวนสมาชิกที่ซ้ำออก
สรุปได้ว่า
สองพจน์แรก คือ เรียกว่าขั้นตอนการ “เพิ่มเข้า”
ส่วนการลบพจน์สุดท้าย เรียกว่าขั้นตอนการ “ตัดออก”
ถ้ามีสามเซตหรือมากกว่านั้น ก็จะยังใช้วิธีนี้ได้อยู่ โดยการเพิ่มเข้าและตัดออกสลับกันไป การเพิ่มเข้าครั้งแรกสุดคือนำสมาชิกของทุกเซตรวมกัน ตัดออกด้วยสมาชิกที่ซ้ำกันในแต่ละคู่ของเซต เพิ่มเข้าอีกทีด้วยสมาชิกที่ซ้ำกันระหว่างสามเซต ตัดออกอีกครั้งด้วยสมาชิกที่ซ้ำกันระหว่างสี่เซต …ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเป็นการเพิ่มเข้าหรือตัดออกด้วยสมาชิกของทุกเซตอินเตอร์เซคกัน